รีวิว Dracula Untold - แดร็กคูล่า ตำนานลับโลกไม่รู้
พบกับการกลับมาของแดร็กคูล่าในมุมมองใหม่ เรื่องราวต้นกำเนิดของผู้ซึ่งเปลี่ยนตัวเองจากชายต้องคำสาป ผู้ที่ประวัติศาสตร์รู้จักในนามของ วลาด จอมเสียบ ไปสู่การเป็นอสุรกายแห่งรัตติกาล นำแสดงโดย ลุค อีวานส์ (Fast & Furious 6 และ แฟรนไชส์ The Hobbit) ซาราห์ กาดอน, โดมินิค คูเปอร์, เดียร์มิด เมอร์ทัฟ และ ชาร์ลส์ แดนซ์ โดยแกรี ชอร์ รับหน้าที่ผู้กำกับ และไมเคิล เดอ ลูกา อำนวยการสร้าง Dracula Untold แดร็กคูล่า ตำนานลับโลกไม่รู้ หลังจากแดร็กคูล่ากลายเป็นแคแรคเตอร์ผีที่หลอกหลอนและวาดลวดลายบนแผ่นฟิล์มมาร่วมศตวรรษ วันนี้ได้เวลากล่าวขานตำนานจุดเริ่มต้นในรูปแบบใหม่ๆ แล้ว เราเคยมีอัศวินรัตติกาลมาแล้ว คราวนี้ เราจะมีอสุรกายรัตติกาลที่จะติดอยู่ในความทรงจำของเรากันบ้าง รีวิว Dracula Untold
เรื่องย่อ
เจ้าชายวลาด (รับบทโดย Luke Evans) ที่มีชีวิตในวัยเด็กอยู่กับชาวเติร์ค มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น กาลเวลาผ่านไป เจ้าชายวลาดได้กลับมายังปราสาทของตัวเองอยู่อย่างสงบสุข จนกระทั่งชาวเติร์คคิดทำศึกสงครามอีกครั้ง
และชาวเติร์คมีความต้องการให้เจ้าชายวลาดส่งมอบเด็ก 1,000คน ให้เป็นเครื่องมือบรรณาการทางทหารซึ่งหนึ่งในนั้นมีลูกชายของเจ้าชายวลาดอยู่ด้วย เจ้าชายวลาดผู้ไม่มีกำลังทหารอยู่ในมือจึงทำได้แค่เพียงหันหน้าเข้าหาอำนาจมืดที่เปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดกาล
การหยิบตัวละครในโลกวรรณกรรมที่มีอยู่เดิมเอามาตีความใหม่นั้นจัดได้ว่าเป็นการเพิ่ม “คุณค่า” ในการนำของที่มีอยู่เอามานำเสนอมุมมองใหม่ๆ ซึ่งไม่ว่าจะมองในมุมไหนก็ตามก็น่าจะเป็นผลดีต่อวงการวรรณกรรมโลกให้พัฒนาต่อเนื่องต่อไป (ไม่ว่าจะเป็นการดัดแปลงข้ามประเภทหรือประเภทเดียวกันก็ตามที)
หลังจากแดร็กคูล่ากลายเป็นแคแรคเตอร์ผีที่หลอกหลอนและวาดลวดลายบนแผ่นฟิล์มมาร่วมศตวรรษ วันนี้ได้เวลากล่าวขานตำนานจุดเริ่มต้นในรูปแบบใหม่ๆ แล้ว เราเคยมีอัศวินรัตติกาลมาแล้ว คราวนี้ เราจะมีอสุรกายรัตติกาลที่จะติดอยู่ในความทรงจำของเรากันบ้าง
หนังเรื่องนี้มีอ้างอิงกับประวัติศาสตร์จริงหลายเรื่องอย่างเจ้าชายวลาด ก็มีตัวตนอยู่จริงๆ ตามประวัติศาสตร์แล้วมีชื่อว่า วลาดิสลาฟ ดรากูล่า แถมยังเป็นนักเสียบจริงๆ ตรงกับเนื้อเรื่อง นอกจากตัวละครแล้วยังมีอีกหลายฉากในเนื้อเรื่องเคยเกิดขึ้นจริง แต่ผู้กำกับดึงเอามาแทรกในหนังได้อย่างลงตัว ใครสนใจประวัติของเจ้าชายวลาดสามารถไปหาอ่านได้ที่ Wikipedia ครับ
เกี่ยวกับตำนาน
“Dracula” นิยายดังของบราม สโต๊คเกอร์ได้ตีพิมพ์ในปี 1897 หนึ่งในตัวละครอมตะที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกวรรณกรรมแดร็กคูล่าก็จัดเป็นหนึ่งใน “คาแรกเตอร์” ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี อย่างน้อยมันน่าจะติดอยู่ในลิสต์ของ “ผีนานาชาติ” ที่เป็นสากลโลก
ว่าด้วยเรื่องราวของเทพบุตรรูปงามที่จ้องจะดื่มเลือดจากคอของหญิงสาวเพื่อใช้ต่อลมหายใจของตัวเอง ตำนานของผีดูดเลือด ซึ่งมีปรากฏในแทบทุกวัฒนธรรมและภาษาทั่วโลก ตั้งแต่ลิลิตู ซัคคิวบัสแห่งบาบิโลเนีย ผู้นิยมกินเลือดเด็ก
ไปจนถึงอาซาซาบอนแซมฟันเหล็กที่ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าของชาวอาชันติแห่งกานา อาจจะมีต้นกำเนิดตั้งแต่เมื่อหลายพันปีที่แล้ว แต่จนกระทั่งในศตวรรษที่ 10 ในยุโรปตะวันออก คำว่า “แวมไพร์” ถึงได้ปรากฏในภาษาสมัยใหม่เป็นครั้งแรก
อันที่จริงแล้วตำนานของแดร็กคูล่าเริ่มต้นและยืมเค้าโครงมาจากเรื่องจริงของบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็คือวลาดที่สาม แห่งวัลลาเคีย หรือคาซิกลู เบย์ (เจ้าชายจอมเสียบ) ในความเป็นจริงแล้ว มือเขียนบทได้นำข้อเท็จจริงเบื้องต้นมากมายเกี่ยวกับเจ้าชายผู้น่าสะพรึงกลัวผู้นี้
เนื้อเรื่อง
เรื่องราวมันย้อนไปไกลเป็นพันปีนับจากปัจจุบัน ในยุคนั้นชาวเติร์กยังคงมีอิทธิพลเหนือชาวทรานซิลวาเนีย พวกเขาจะบังคับให้ต้องส่งเด็กเข้าไปเป็นทหารและฝึกหัดให้เป็นนักฆ่าที่ไร้ปรานี ซึ่ง วลาด (Luke Evans) พระเอกของเรา ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจผู้กลับมาเป็นเจ้าชายปกครองทรานซิลวาเนีย แต่ก็กลับต้องพบกับเหตุการณ์ซ้ำร้อย เมื่อสุลต่านเมห์เหม็ดที่สอง (Dominic Cooper) ต้องการเด็กอีก 1,000 คน รวมทั้งลูกชายของวลาดด้วย ซึ่งคราวนี้ ถึงทีผู้เป็นพ่อต้องตัดสินใจ
และในที่สุด เขาก็เลือกที่จะทำในสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูก เลือกจะเสียสละตัวเองให้กับการรับใช้ประชาชน ด้วยการกลายเป็นแวมไพร์ผู้มีพละกำลังมหาศาล เพื่อต่อสู้กับกองทัพระดับมหึมา อีกทั้งยังต้องปกป้องครอบครัวสุดที่รักเอาไว้ด้วย
เรียกได้ว่า เนื้อหาของตำนานแดร็กคูล่าบทหนังใหม่เต็มเรื่องใหม่นี้มีทั้งแง่มุมดราม่า ผสานกับเรื่องราวการสู้รบในสงคราม บู๊แอ็คชั่นสไตล์ซีจีที่มักมีในช่วงเวลากลางคืน (ก็เขาเป็นแวมไพร์นี่นา)
ตำนานการถือกำเนิดขึ้นของอสุรกายที่รู้จักกันทั่วโลกจริงๆ นั้นจะเป็นอย่างไร ผมเองก็ไม่เคยจะถือเป็นเรื่องสลักสำคัญอย่างไร แต่คนเขียนบทเขาก็อุตส่าห์เขียนบทใหม่ให้กับที่มาที่ไปของเจ้าตำนาน “แดร็กคูล่า” ได้อย่างน่าชื่นชม เพราะมันใกล้เคียงความเป็นคนจริงจนเราอินพอจะเอาใจช่วย อีกทั้งยังได้ฟีลซูเปอร์ฮีโร่ไปพร้อมๆ กันด้วย
การดำเนินเรื่อง
การตีความใหม่ครั้งนี้จัดได้ว่าน่าสนใจมาก เพราะหนังเลือกจะนำเสนอบริบทของ “ผู้ชาย” ในฐานะของกษัตริย์ที่ต้องดูแลบ้านเมือง นอกจากนี้เขายังต้องทำหน้าที่ของ “พ่อ” ไปพร้อมๆกัน ซึ่งแน่นอนว่าการดูแลบ้านเมืองที่กำลังโดนรุกรานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
สำหรับเขตแดนที่ไม่มีกำลังทหารเพียงพอสำหรับการต่อกรกับข้าศึก แต่ในฐานะของผู้นำบ้านเมืองแล้วการจะต้องเลือกที่จะส่งเด็กชายจำนวนมากเพื่อแลกกับสันติสุขนั้นก็เป็นเรื่องยากเย็นเกินกว่าจะรับได้เช่นกัน
ในช่วงต้นเรื่องเราจะได้เห็นปมในอดีตก่อนที่วลาดจะกลายมาเป็นกษัตริย์ ชีวิตของเขาก็มีบาดแผลจากการถูกทารุณในกองทัพเมื่อสมัยยังเป็นเด็กมาเช่นกัน และแน่นอนว่า “ปมฝังใจ” จากในอดีตย่อมสร้างผลกระทบให้ปัจจุบัน ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเลือกหนทางที่แตกต่างออกไป แต่นั่นก็หมายถึงความสงบสุขที่เขาจะต้องแลก
ช่วงเวลาที่เขาต้องขายวิญญาณตัวเองเพื่อแลกกับพลังวิเศษนั้น วลาดไม่ได้ลังเลต่อการตัดสินใจเลย เพราะเขารู้ดีว่าบ้านเมืองและครอบครัวอันเป็นที่รักนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเอง การที่ขายวิญญาณเพื่อแลกกับพลังพิเศษ ก็มีราคาค่างวดที่แพงเช่นกัน
เมื่อชาวเมืองที่เคร่งในเรื่องศาสนากลับมองว่าเขาเป็นปีศาจร้าย และแน่นอนว่าวลาดก็ถูกต่อต้านและทำร้ายอย่างทารุณ ความน่าโมโหกลายเป็นชนวนที่ทำให้เขาก่นด่าชาวเมืองว่า พวกเขาเป็นบ้าอะไรกัน การมองว่าขายวิญญาณให้ปีศาจเพื่อปกป้องชาวเมืองนั้นคุ้มค่าจริงหรือเปล่า?
จุดเด่น
เรื่องนี้ชูจุดเด่นอยู่ที่เป็นการเปิดเผยความลับของแวมไพร์ที่ไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องไหนทำมาก่อน แต่เมื่อไปดูกันจริงๆ แล้วจะพบว่ามีการเปิดเผยรายละเอียดตรงนี้น้อยมาก เนื้อหาส่วนใหญ่วนเวียนอยู่กับการป้องกันปราสาท กับการเอาชนะใจตนเองของเจ้าชายวลาดเสียมากกว่าดังนั้นเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของเรื่องนี้จึงเข้าใจได้ง่าย
บทเด่นของเรื่องนี้ตกไปอยู่ที่เจ้าชายวลาดคนเดียว เรียกได้ว่าคนอื่นแทบจะไม่มีบท ขนาดแวมไพร์ตัวแรกที่รับมอบมาจากพลังปิศาจโดยตรง (รับบทโดย Charles Dance) ยังออกมาเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น
จุดที่น่าชมเชยของเว็บหนัง HD เรื่องนี้อยู่ที่การนำเอาประวัติศาสตร์มาผสมผสานอยู่ภายในหนังได้อย่างลงตัว ความอลังการงานสร้างของการเนรมิตรฉากและสถานที่มีความสมจริงสมจัง เอฟเฟกต์ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีแม้จะมีบางจังหวะบางช่วงไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่
เช่นในช่วงเจ้าชายวลาดแปลงเป็นค้างคาวเป็นต้น อีกข้อหนึ่งที่น่าประทับใจเลยคือรายละเอียดของชุดต่างๆ ที่ตัวละครสวมใส่มีความสวยงาม และเข้ากับยุคสมัย
จุดสังเกต
ส่วนที่น่าขับข้องใจคือพวกรายละเอียดปลีกใหญ่ที่ผู้กำกับมองข้ามไป และคิดว่าผู้ชม (น่าจะ) ทำความเข้าใจกันเองได้คือเรื่องของพันธสัญญาระหว่างแวมไพร์ตัวแรกกับเจ้าชายวลาด รวมไปถึงสงครามปิศาจที่มีการเอ่ยถึงไว้เล็กน้อย
โดยส่วนตัวแล้วการที่ผู้กำกับมีการทิ้งปมไว้แบบนี้หนังก็สามารถทำภาคต่อไปได้หากรายได้ดี ซึ่งถ้าเป็นจริงภาคสองคงจะมีปิศาจตนอื่นเพิ่มมากขึ้น เห็นฉากการต่อสู้ที่เกินจินตนาการเราไปอย่างแน่นอน
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับวลาดที่ 3 เจ้าชายแห่งวัลลาเชีย : แดร็กคูล่าตัวจริง
วลาดที่ 3 เกิดในปี 1431 ในทรานซิลวาเนีย
ตอนเป็นเด็ก วลาดที่ 3 และน้องชายของเขาถูกผู้เป็นบิดาส่งไปเป็นตัวประกันของสุลต่านมูรัด อิลโต คอนสแตนติโนเปิล ที่ซึ่งพวกเขาใช้ชีวิตอยู่นานหกปี และต้องเรียนรู้ศาสตร์แห่งสงคราม
ด้วยความที่ทรานซิลวาเนียตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างอาณาจักรสองแห่ง คือออตโตมัน เติร์ค และฮัพส์เบิร์ก ออสเตรีย วลาดที่ 3 เลยใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางเพลิงสงครามมาโดยตลอด
วิธีการทรมานที่วลาดที่ 3 โปรดปรานที่สุดคือการเสียบคน และทิ้งให้พวกเขาทนทุกข์ทรมานอีกหลายวัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาได้รับฉายาหลังเสียชีวิตว่า วลาดจอมเสียบ (หรือ วลาด เทเปส)
วลาดที่ 2 บิดาของเขา เป็นสมาชิกของออเดอร์ ออฟ เดอะ ดรากอน ซึ่งเป็นองค์กรลับของอัศวินคริสเตียน ผู้ต่อสู้กับพวกมุสลิมในอาณาจักรออตโตมัน นี่เองที่ทำให้วลาดที่ 2 เลือกใช้นามว่า ดราคูล ซึ่งหมายถึง "มังกร / ปีศาจ" ในภาษาโรมาเนีย
หลังจากการเสียชีวิตของบิดา วลาดที่ 3 ก็ปกครองวัลลาเชียและทรานซิลวาเนียตั้งแต่ปี 1448 จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี 1476
วลาดเจริญรอยตามพ่อด้วยการเข้าร่วมออเดอร์ ออฟ เดอะ ดรากอน ตอนนั้นเองที่เขาใช้ชื่อว่า แดร็กคูล่า ซึ่งหมายถึง "ลูกชายของมังกร / ปีศาจ" ในภาษาโรมาเนีย
วลาดที่ 3 เป็นคนเคร่งศาสนาและเป็นผู้ปกป้องคริสต์ศาสนาอย่างแข็งขัน เขาเชื่อว่าความเคร่งศาสนาและพิธีศพอย่างถูกต้องตามธรรมเนียมจะชำระล้างบาปของเขาและทำให้เขาขึ้นสวรรค์ได้ ในการนี้ เขาจึงได้ห้อมล้อมตัวเองด้วยผู้นำทางศาสนา เช่นนักบวชและพระ รวมทั้งสร้างโบสถ์ขึ้นมาห้าแห่งด้วย
หัวของวลาดที่ 3 ผู้เชื่อว่าถูกสังหารในปี 1476 ระหว่างต่อสู้กับชาวเติร์ค ถูกตัดเสียบประจานในคอนสแตนติโนเปิล เพื่อให้ชาวเมืองทุกคนได้เห็นและเกิดความกลัว
โดยรวม
โดยรวมแล้ว บทในส่วนของดราม่านั้นทำได้ค่อนข้างโอเค ไม่ได้ซึ้งจนน้ำตาไหลแต่ก็ชวนอินจนทำให้เราติดตามเอาใจช่วย และมองวลาดในฐานะอสุรกายที่มีความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในตัวเอง แน่นอนว่า บทแบบนี้ต้องพึ่งซีจีเป็นส่วนประกอบหลักอยู่แล้ว ซึ่งทีมงานก็ทำได้ไม่ตกหล่น โดยรวม ถึงแม้บทจะไม่มีอะไรแปลกใหม่นัก แต่ด้วยการจัดวางที่พอเหมาะ ทำให้คนดูรู้สึกอินไปกับเรื่องราวของแดร็กคูล่า
สรุป
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจในขณะนี้ เพราะเนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างรุกเร้า ฉากต่อสู้อลังการ เนื้อหาเข้าใจง่าย ถึงแม้จะมีบางช่วงบางตอนที่ทิ้งข้อสงสัยไว้ให้ผู้ชมเก็บไปคิด และคาดเดาต่างๆ นา แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสในการชมสักเท่าไหร่
เกมสล็อตค่าย Pragmatic Play เกม RETURN OF THE DEAD ตายแล้วฟื้น สล็อต PP สล็อตน่าเล่น สล็อตแตกบ่อยมาก ทรัพย์สินล้ำค่า คอยให้ท่านตามหา และยังแจกรางวัลมากมาย
ทดลองเล่นสล็อต pg slot ฟรีทุกค่าย 2022 เว็บไซต์สล็อตที่อัพเดทเกมใหม่มาแรงก่อนใคร ทดลองเล่นสล็อตเว็บไซต์ตรง พวกเราเสนอแพลตฟอร์ม เกมสล็อตออนไลน์ ที่มีความสดใหม่มาแรง pg slot ทดลองเล่น