รีวิว In the Mood for Love - อิน เดอะ มู้ด ฟอร์ เลิฟ
หากกล่าวถึงผู้กำกับเอเซียมือรางวัลที่โด่งดังในยุค 90 ถึง 2000 ตอนต้นชื่อของหว่องกาไวย่อมเป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้สำหรับใครที่มองหาหนังเศร้า เหงา ติสท์ และเหมือนบิดาของนักศึกษาภาพยนตร์ที่อยู่ดี ๆ ในยุคหนึ่งหนังศึกษาก็เต็มไปด้วยตัวละครที่ต้อง “กระทำความหว่อง” ทั้งควันบุหรี่ล่องลอยใต้แสงไฟนีออน หรือตัวละครที่คิดคำนึงอะไรสักอย่างแล้วมีเสียงวอยซ์โอเวอร์พ่นประโยคเท่ ๆ รีวิว In the Mood for Love
เรื่องย่อ
เจ้ามู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ กับ ชั่นไหลเจิน (จางม่านอวี้) เลขาบริษัทชิปปิ้งนำเข้าส่งออกสินค้า
ที่นอกจากทั้งคู่จะเป็นอยู่ในชุมชนที่ชาวเซียงไฮ้อพยพที่ฮ่องกงเหมือนกันแล้วยังมาผูกพันกันด้วยแก้ว 3 ประการคือย้ายเข้าอพาร์ตเมนต์วันเดียวกัน ต่างก็มีคู่ครองกันแล้ว
และคู่ครองของพวกเขาก็ลักลอบเป็นชู้กัน เหลือเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ว่าพวกเขาจะปล่อยตัวปล่อยใจแล้วยอมให้ความเสน่หาชักพาให้ทั้งคู่เล่นชู้กันเหมือนคนรักของพวกเขาหรือไม่
ในวันที่โลกวุ่นวายด้วยเรื่องราวความขัดแย้งทางความคิดและการเมือง เรายังมีอีกโลกหนึ่งให้เดินเข้าไปเพื่อหลบซ่อน โลกที่อยู่ในห้องอันมืดทึมและมีเครื่องฉายภาพให้ปรากฏบนจอ ภาพเคลื่อนไหวแสดงภาพของชีวิตบางชีวิตที่มีชีวิตอยู่เมื่อฉายบนจอ
ภาพเรื่องราวถูกฉายมาเป็นสิบปี วันนี้ถูกหยิบมาปัดฝุ่นใหม่ ภาพชัดสดใสกับภาพยนตร์ในตำนาน In the Mood For Love จากผู้กำกับ หว่องกาไว
หากกล่าวถึงผู้กำกับเอเซียมือรางวัลที่โด่งดังในยุค 90 ถึง 2000 ตอนต้นชื่อของหว่องกาไวย่อมเป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้สำหรับใครที่มองหาหนังเศร้า เหงา ติสท์
และเหมือนบิดาของนักศึกษาภาพยนตร์ที่อยู่ดี ๆ ในยุคหนึ่งหนังศึกษาก็เต็มไปด้วยตัวละครที่ต้อง “กระทำความหว่อง” ทั้งควันบุหรี่ล่องลอยใต้แสงไฟนีออน หรือตัวละครที่คิดคำนึงอะไรสักอย่างแล้วมีเสียงวอยซ์โอเวอร์พ่นประโยคเท่ ๆ
ในบรรดาหนังทั้งหมดของผู้กำกับ “หว่องกาไว” เขายอมรับเลยว่า “In the Mood for Love” (2000) คือหนังที่เขา “ผูกพันที่สุดในชีวิต” หนังใช้เวลาสร้างทั้งสิ้น 15 เดือน และได้เข้าชิง “รางวัลปาล์มทองคำ” (Palme d’Or)
และคว้า 2 รางวัลจาก “เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์” ในสาขา “รางวัลนักแสดงนำชาย” (เหลียงเฉาเหว่ย ) และ “รางวัลด้านเทคนิคภาพและงานสร้าง” ซึ่งนับตั้งแต่นั้น “In the Mood for Love” ก็ได้ชื่อว่าเป็น “หนึ่งในหนังเอเชียเรื่องเยี่ยมที่สุดที่เคยสร้างมา”
เนื้อเรื่อง
และสำหรับ In the mood for love ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น และที่พิเศษกว่านั้นมันยังเป็นหนังที่บ่งบอกถึงภาวะสุกงอมทางความคิดของหว่องกาไวที่ไม่ได้มีแต่เรื่องรักไม่สมหวังและวนเวียนกับความเหงาของผู้คนอย่างที่ผ่านมาเท่านั้น
แต่มันยังแอบซ่อนห้วงคำนึงและอารมณ์ร่วมแห่งยุคสมัยท่ามกลางความไม่แน่นอนของฮ่องกง ประเทศที่ผู้กำกับเคยอพยพมาใช้ชีวิตตั้งแต่เด็ก ๆ อีกด้วย
โดยโครงเรื่องดูหนังฟรี หรือเนื้อหนังของ In the mood for love อาจไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการกล่าวถึงภาวะความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบของ เจ้ามู่หวัน (เหลียงเฉาเหว่ย) คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ กับ ชั่นไหลเจิน (จางม่านอวี้) เลขาบริษัทชิปปิ้งนำเข้าส่งออกสินค้า
ที่นอกจากทั้งคู่จะเป็นอยู่ในชุมชนที่ชาวเซียงไฮ้อพยพที่ฮ่องกงเหมือนกันแล้วยังมาผูกพันกันด้วยแก้ว 3 ประการคือย้ายเข้าอพาร์ตเมนต์วันเดียวกัน ต่างก็มีคู่ครองกันแล้ว
และคู่ครองของพวกเขาก็ลักลอบเป็นชู้กัน เหลือเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ว่าพวกเขาจะปล่อยตัวปล่อยใจแล้วยอมให้ความเสน่หาชักพาให้ทั้งคู่เล่นชู้กันเหมือนคนรักของพวกเขาหรือไม่
การเล่าเรื่อง
โดยในช่วงองก์ 3 ของหนังอยู่ดี ๆ หว่องกาไวก็ใส่ภาพข่าวการเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส นายพล ชาร์ลส์ เดอ กัล โดยมีพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุพร้อมพระมเหสีใตห้การต้อนรับก่อนจะจบเรื่องราว
ด้วยฉาก “กระซิบรักลับไว้ในรอยแตกของนครวัด”อันเป็นตำนาน แต่เป็นไปได้ไหมว่า In the mood for love อาจกลายเป็นมากกว่าแค่หนังชู้รักเหงา ๆ กระทำความหว่องธรรมดาเรื่องหนึ่ง ?
เป็นไปได้ไหมว่าการที่หว่องกาไวระบุอาชีพให้นางเอกอย่าง ชั่นไหลเจิน ทำงานชิปปิงเป็นกลวิธีอันแยบยลที่จะเล่าถึงทางเลือกของคนฮ่องกง ในช่วงเวลาต่อมาที่จีนกำลังเข้าครอบครองอย่างเต็มตัว
เพราะการมองบ้านเมืองตัวเองหลังส่งมอบเกาะฮ่องกงหลังปี 1997 ย่อมไม่ต่างจากกระจกที่ฝุ่นเกรอะกรังเพราะมันแทบมองไม่เห็นอนาคตว่าท้ายที่สุดบ้านเมืองจะอยู่อย่างสงบสุขหรือเร่าร้อนด้วยไฟการเมืองแผดเผากันแน่
ยิ่งหนังออนไลน์อิงกับชีวิตของหว่องกาไวในฐานะชาวเซี่ยงไฮ้ที่อพยพมาฮ่องกงและหนังก็ดำเนินเรื่องในปี 1962 ที่กระแสอนุรักษ์นิยมในชุมชนนั้นมาแรงเหลือเกินซึ่งมันช่วยบีบให้ความสัมพันธ์ระหว่าง เจ้ามู่หวัน กับ ชั่นไหลเจิน
ยิ่งกลายเป็นสิ่งต้องห้ามแม้ทั้งคู่จะถูกหักหลังจากคู่สมรสที่จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายก็ตาม ดังนั้นทางเลือกที่ทั้งคู่จะหาความสุขจากความสัมพันธ์ครั้งนี้เลยเต็มไปด้วยความถามถึงความถูกต้องและสิทธิเสรีภาพอันคลุมเครือ
และยังถูกจับจ้องด้วยสายตาของเพื่อนบ้านซึ่งหว่องกาไวก็ใช้ทั้งมุมมองภาพแบบให้คนดูเป็นฝ่ายแอบมองและเสียงจากภายนอกห้องพักอย่างเสียงการจัดไพ่นกกระจอกที่ดังเสียดแทงเข้ามาหาทั้งคู่ได้อย่างแยบยลดังนั้นการตัดสินใจเลือกของทั้งเจ้ามู่หวัน
และชั่นไหลเจินจึงมากกว่าแค่จะเป็นชู้หรือไม่แต่มันยังหมายถึงเสรีภาพของพวกเขาในการระบุความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยเสน่หาทว่าไม่ถูกต้องด้วยบรรทัดฐานของสังคม
และข้ออ้างที่ ชั่นไหลเจิน ใช้เพื่อมาอ่านนิยายกำลังภายในของเจ้ามู่หวันจึงต้องใช้การงานบังหน้า เพราะเป็นบรรทัดฐานที่กำหนดคุณค่าของผู้หญิงแบบเธอ และพอจะก้าวข้ามเส้นศีลธรรมในพื้นที่ส่วนตัวของเธอ
กับชู้รัก “กระจก” ก็ยังอุตส่าห์สะท้อนภาพอันพร่าเลือนและแบ่งช่องให้เธอเลือกระหว่างความถูกต้องกับความสุขที่แม้กระจกจะใสสะอาดแต่ใจเธอกลับต้องฝุ่นเกาะด้วยบาปที่ยังไม่ได้ก่อด้วยซ้ำ
ส่วนเจ้ามู่หวัน จึงเป็นอื่นไม่ได้นอกเสียจากการแทนภาพชาวฮ่องกงที่ยังยึดกับแนวคิดเสรีแบบอังกฤษ หลายครั้งหลายตอนเหลือเกินที่เขาเป็นฝ่าย “ขยับ” ท้้งเลื่อนฝ่ามือไปใกล้เธอจนถึงวาจาที่เอ่ยชวนให้นอกใจ
ด้วยสูทสากลแบบตะวันตกและการงานอย่างคอลัมนิสต์ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะยังซื่อสัตย์กับคู่ครองที่ปันความเสน่หาไปให้ชายอื่น แต่ก็ด้วยความชิดใกล้และเห็นใจเขาจึงเอาความรู้สึกไปวางกับ ซือไหลเจิน ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันแทน
แต่ด้วยวันคืนผันผ่านสำนึกอนุรักษ์ของฝ่ายหญิงอย่าง ชั่นไหลเจิน เองก็ยังยึดกับคุณธรรมและธรรมเนียมของคนจีน หน้าที่ภรรยาแม้จะถูกถ่ายทอดอย่างนักโทษทั้งแสงเงาและการเฟรมภาพที่คริสโตเฟอร์ ดอยล์
จงใจให้ตัวละครอยู่ในกรงขังและแม้มันจะแกล้มด้วยความสง่างามของกี่เพ้าแต่ละชุดที่ขับภาพภิริยาในอุดมคติของชาวจีนมากแค่ไหนแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราแทบไม่เห็น “ความสุข” ของเธอนัก
และแม้เธอจะได้พบผู้คนที่มีทางเลือกตัดสินชะตาตัวเองอย่างการได้กลับมาเยี่ยมคุณนายฉวนและพบว่าแม้แต่คนมีอายุอย่างคุณนายยังเลือกไปอยู่อเมริกากับลูกสาว แต่สำหรับเธอแล้วสเต๋็กที่กินกับชู้รักอย่างเจ้ามู่หวันจะเผ็ดร้อนและถูกปาก
แต่สุดท้ายเธอก็เลือกกินบะหมี่ตามลำพังอยู่ดี จนสุดท้ายสิ่งที่เธอมอบให้เขาได้ก็มีเพียงตั๋วที่พาเจ้ามู่หวันออกจากความสัมพันธ์ครั้งนี้และอพยพจากฮ่องกงที่หวังจะเป็นบ้านหลังสุดท้ายของชีวิตพเนจรไปยังสิงคโปร์ดินแดนหลากเชื้อชาติแทน
ย้อนกลับไปที่ภาพข่าวดังที่กล่าวไว้การที่มันเอาประวัติศาสตร์ของกัมพูชาในช่วงใต้การปกครองของฝรั่งเศสทำให้ผมต้องมาตีความและนึกถึงความเป็นไปได้ของข้อความที่เจ้ามู่หวันกระซิบในรอยแตกของนครวัดใหม่อีกครั้งว่าเป็นไปได้หรือไม่
ที่สุดท้ายแล้วข้อความที่เขากล่าวอาจไม่ได้มีแค่เรื่องรักลับ ๆ ของเขากับชั่นไหลเจินเท่านั้น แต่มันอาจจะเป็นสิ่งเดียวกับกระเป๋าใบงามที่ภรรยาเขาได้จากชู้หรือเนกไทสุดหรูที่สามีของชั่นไหลเจินได้จากภรรยาของเขาและมัน “หาไม่ได้ในฮ่องกง” นั่นคือ “เสรีภาพในการแสดงออก”
การตอบรับของวงการภาพยนตร์โลก
ในปี 2000 ที่หนังออกฉายในแง่การตอบรับของวงการภาพยนตร์โลก In the mood for love ได้สร้างหมุดหมายสำคัญตามเทศกาลหนังที่มันไปเยือนทั้งเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำและเหลียงเฉาเหว่ยก็คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังคานส์มาครอง
รวมถึงการเข้าชิงและครอบครองรางวัลจากสถาบันต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้คนทำหนังรุ่นใหม่ที่เด่นชัดที่สุดคือ โซเฟีย คอปโปลา ที่ถึงกับขอบคุณหว่องกาไวในคืนที่เธอรับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก Lost in translation (2003) ของเธอ
สำหรับผู้เขียนกว่าที่หนังจะเดินทางมาสู่การรับชมก็ปาเข้าไปร่วม 10 ปีจาก DVD ของบริษัท บลูเบิร์ด จำกัด ที่วางจำหน่าย DVD ลิขสิทธิ์ของหนังเป็นครั้งแรก แต่ด้วยความที่ยังไม่ได้ศึกษาหรือสำรวจหนังดีพอในการชมครั้งนั้นเลยรับรู้แค่มันเป็นหนังถ่ายสวยและการแสดงของทั้งเหลียงเฉาเหว่ยกับจางม่านอวี้ก็ตรึงอารมณ์สิเน่หาจนชวนเคลิ้มไปหมด
แต่จากการชมล่าสุดที่ทางมงคลภาพยนตร์ได้เริ่มโพรเจกต์ฉายหนังหว่องกาไวที่ถูกนำมารีมาสเตอร์ด้วยความละเอียด 4K แล้วผู้เขียนก็ต้องกลับมาทบทวนสาระของหนังจากใหม่ทั้งหมดจากเนื้อหาที่เพิ่งสังเกตจากการชมครั้งนี้
สรุป
สรุปแล้ว In the Mood for Love เป็นหนังที่บทธรรมดา แต่มันถูกถ่ายทอดออกมาด้วยเทคนิคต่างๆ ที่ชวนทึ่ง แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังที่ดูสนุก เอาจริงๆ มันเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องช้า เนิบๆ ชวนน่าเบื่อ แต่มันน่าติดตาม น่าประทับใจกับงานภาพที่ละสายตาไม่ได้จริงๆ
สูตรสล็อต pg slot ต้องบอกก่อนเลยว่า ปัจจุบันนี้ ทุกท่านสามารถรับ สูตรสล็อต pg slot ฟรี ใช้ได้ จริง สำหรับการที่พวกเราจะลงทุนเล่นเกมพนันออนไลน์ แน่ๆว่าจะมีสูตรและก็กลเม็ดสำหรับเพื่อการประกอบกิจการเล่น สูตรสล็อต PG SLOT