Jack Ryan: Shadow Recruit

รีวิว Jack Ryan: Shadow Recruit - แจ็ค ไรอัน สายลับไร้เงา

ครั้งหนึ่ง ฮอลลีวู้ดเคยมีหนังอยู่จำนวนหนึ่งที่ว่าด้วยสายลับผู้ฉลาดเป็นกรด นาม “แจ็ค ไรอัน” มีพระเอกผู้เคยรับบทนี้อยู่หลายคน แต่วันนี้ เขากลับมาอีกครั้ง เหมือนจะเป็นการเริ่มบทใหม่ แจ็ค ไรอัน อีกครั้งจาก Paramount Pictures และ Skydance Productions นำมาปัดฝุ่นแล้วเลือกให้ Chris Pine มารับบทนี้ พร้อมเสริมอะไรใหม่ๆ เข้าไปใน รีวิว Jack Ryan: Shadow Recruit

เรื่องย่อ

ระหว่างที่ปลอมตัวอยู่ในวอลล์ สตรีท นักวิเคราะห์ของซีไอเออย่างแจ็ค ไรอันเปิดโปงแผนการของผู้ก่อการร้ายที่จะทำลายระบบเศรษฐกิจของอเมริกา

---

ครั้งหนึ่ง ฮอลลีวู้ดเคยมีหนังอยู่จำนวนหนึ่งที่ว่าด้วยสายลับผู้ฉลาดเป็นกรด นาม “แจ็ค ไรอัน” มีพระเอกผู้เคยรับบทนี้อยู่หลายคน แต่วันนี้ เขากลับมาอีกครั้ง เหมือนจะเป็นการเริ่มบทใหม่ แจ็ค ไรอัน อีกครั้งจาก Paramount Pictures และ Skydance Productions นำมาปัดฝุ่นแล้วเลือกให้ Chris Pine มารับบทนี้ พร้อมเสริมอะไรใหม่ๆ เข้าไปใน ‘Jack Ryan Shadow Recruit’ ให้เขาครบเครื่องมากยิ่งขึ้น

บางคนอาจจะเคยได้ยินหนังชื่อ ‘The Hunt for Red October’, ‘Patriot Games’, ‘Clear and Present Danger’ และ ‘The Sum of All Fears’ ก็จะพอรู้ว่า ตัวละครของ Tom Clancy เคยถูกนำมาเล่าแล้วในแบบฉบับหนังผ่าน แจ็ค ไรอัน ที่หน้าตาเป็น Harrison Ford, Alec Baldwin และ Ben Affleck แต่คราวนี้ เราจะได้พบกับแจ็ค ไรอัน ที่มีหน้าตาเหมือนกับ Chris Pine

ในภาคนี้ จะเป็นเหมือนกับการรีบูทใหม่ ไม่ได้รีเมกแต่เลือกที่จะเก็บเอาแคแรคเตอร์ต่างๆ ที่สร้างโดย Tom Clancy มาแต่งเรื่องราวใหม่ โดยพยายามจะไปที่จุดเริ่มต้นของสายลับแสนฉลาดคนนี้

เนื้อเรื่อง

เป็นเรื่องราวของ แจ็ค ไรอัน (Chris Pine) เป็นนักวิเคราะห์ให้CIA ที่ได้รับภารกิจให้ไปเป็นสายลับในรัสเซีย และได้พบว่าอเมริกากำลังจะถูกคุกคามโดยมหาเศรษฐี วิคเตอร์ เชเรวิน (Kenneth Branagh) แจ็ค ต้องยับยั้งการกระทำของเขาให้ได้

ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามโดยได้รับการสนับสนุนจาก วิลเลี่ยม ฮาร์เปอร์ (Kevin Costner) สายลับจอมเก๋า ที่เป็นครูฝึกของแจ็ค เรื่องราวยุ่งยากขึ้นเมื่อ เคธี่ ไรอัน (Keira Knightley) ภรรยาสาวของแจ็คเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยและเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย

การเล่าเรื่อง

หนังเปิดเรื่องโดยใช้เวลาไม่นานสำหรับการเล่าที่มาที่ไปของพระเอก เริ่มเล่าตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงการเข้ามาทำงานในหน่วยงาน CIA และไม่รอช้า หนังเดินเรื่องในภารกิจพระเอกทันที

ใช้เวลาไม่นานในการดูหนังฟรีเล่าที่มาที่ไปของ Jack Ryan ตั้งแต่สมัยเรียนจนกระทั่งเข้ามาทำงานใน CIA จากนั้นหนังก็เดินเรื่องในส่วนของภารกิจแรกของเขา ในส่วนแรกของหนังถือว่าเดินเรื่องได้กระชับ

ถ้าใครที่ดู Jack Ryan เวอรชั่นเก่า ๆ จะรู้ได้เลยว่าไม่ค่อยออกภาคสนามบู๊กซักเท่าไหร่ แต่ภาคนี้หนังต้องการสร้างความแตกต่าง โดยให้ลองลงสนามได้บ้าง แม้จะไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก

หนังมีการเดินเรื่องเร็วไปพอสมควร เลยทำให้มีช่องโหว่เยอะ บางเคส บางปริศนาก็คลี่คลายได้เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็น มันเลยทำให้คนดูแบบผมมองว่า พระเอกฉลาดเกินไป มันไม่คอยน่าเชื่อถือเท่าไหร่ ในส่วนของการโจรกรรมข้อมูลก็คลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว

ผมแค่มองว่าค่อย ๆ สืบสาวราวเรื่องหนังใหม่ชนโรงน่าจะดีกว่า ในเรื่องของความบันเทอง หนังทำออกมาได้ไม่เลวเลยครับ ทำให้คนดูเอาใจช่วยแจ็คให้ทำภารกิจสำเร็จลุล่วง คริส ไพน์ ถ่ายทอดความเป็น แจ็ค ไรอันยุคใหม่ได้อย่างน่าประทับใจทีเดียว

ถ้าคิดว่าบทบาทภรรยาของเคธี่ จะเป็นแค่ตัวประกอบของเรื่อง ต้องคิดใหม่เลยนะครับ เพราะตัวละครตัวนี้ เป็นตัวที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับแจ็ค ทำให้ตัวหลักมีมุมโรแมนติค และความรักที่มีให้กับภรรยารวมถึงความผูกพันธ์เช่นกัน

ด้านนักแสดง

หนังมีนักแสดงสมทบร่วมงานมากหน้า ไม่ว่าจะเป็น Kevin Costner ในบท ฮาร์เปอร์ หัวหน้างานของแจ็ค, Kenneth Branagh สวมทั้งหน้าที่ผู้กำกับหนังและแสดงเป็นผู้ทรงอำนาจในรัสเซีย ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของแจ็คในภาคนี้

ที่ไม่รู้ว่าการตัดต่อหรือเพราะอะไรที่ทำผมมึนงงกับเรื่องราวยิบๆ ย่อยๆ ที่ปะต่อรวมกันเป็นปัญหาระดับชาติปัญหานั้น กว่าจะเข้าใจมันก็ปาไปครึ่งหลังของหนังเสียแล้ว

โดยรวม

โดยหนังเรื่อง Jack Ryan Shadow Recruit นั้นจะออกเป็นแนวหนังสายลับที่ใช้สมองมากกว่ากำลัง แต่ก็คงมีฉาก action ให้พอหอมปากหอมคอกัน ถือว่าเป็นหนังที่โอเคเลยครับ ทำออกมาดีทั้งฉาก action และเทคนิคการถ่ายทำ เสียอยู่อย่างเดียว ผมว่าการเดินเรื่องมันไม่ค่อยบีบหัวใจซะเท่าไร

เพราะเหมือนพระเอกจะเทพเกินไป ไร้เงาขั้นเทพ ไม่เคยโดยจับได้แล้วประทะกับตัวร้ายซะเท่าไร ไม่ค่อยเหมือนหนังสายลับเรื่องอื่นอย่าง MI , The Bourne ที่จะมีฉากที่พระเอกอยู่ในวิกฤติและใช้สมองแก้ไขปัญหาในเสี้ยววินาที แต่โดนรวมก็ออกมาดีครับ ถือว่าเป็นการปูทางให้หนังสายลับ reboot อย่าง Jack Ryan

สรุป

เป็นเหมือนภาคเริ่มที่ค่ายหวังจะมีภาคต่อในเวลาถัดมา จึงเริ่มเล่าเรื่องเบื้องหลังมากขึ้น แต่การเสียเวลาเล่าที่มาที่ไปกลับยังไม่ทรงพลังมากพอจะทำให้เราเข้าใจจุดเปลี่ยนของสายลับสุดฉกาจ หากแต่ Kenneth Branagh ก็ทำได้ดีในช่วงเวลาลุ้นไล่ล่าและเล่นกับเวลา

ทำให้ช่วงครึ่งหลังนั้นหนังสนุกเข้าขั้น ได้เห็น แจ็ค ไรอัน ที่มีทั้งมุมโรแมนติก แอ็คชั่น และทริลเลอร์ ไปพร้อมๆ กัน แม้บทจะไม่ใหม่อะไรนักแต่พล็อตที่มีก็พยายามจะลากเหตุการณ์จริงเข้ามาสร้างเป็นเรื่องราว ก็นับว่าไม่เลว