Man of Steel

รีวิว Man of Steel - บุรุษเหล็กซูเปอร์แมน

ในบรรดาฮีโร่ที่มีชื่อเสียงและพลังพิเศษ ก็คงจะมีซูเปอร์แมนนี่แหละที่ผมรู้จักแต่แสนจะห่างไกลกันเสียเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ดูหนังของเขา แล้ววันหนึ่ง ข่าวดีก็มาเยือน เมื่อ Christopher Nolan จับมือ David Goyer เขียนตำนานซูเปอร์แมนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วส่งต่อให้ Zack Snyder (‘300’ และ ‘Watchman’) กำกับฯ มันแทน รีวิว Man of Steel

เรื่องย่อ

ภาคกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่ผู้มาจากต่างดาว ที่ย้อนกลับไปเล่าตามเรื่องราวดั้งเดิมในฉบับการ์ตูนเล่มแรกๆ เด็กทารกที่เดินทางมาจากอวกาศอันไกลโพ้น จากดาวที่ชื่อคริปตัน ดาวที่ใกล้แตกสลาย พ่อและแม่ที่แท้ของเขาเลือกจะส่งเขามายังโลก ในขณะที่นักรบระดับสูงกำลังยึดอำนาจบนดาวดวงนั้น และโทษของเขาทำให้การจองเวรบังเกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องราวในภาคกำเนิดนี้

และเมื่อเขาเติบโตขึ้นบนพื้นโลก สองคนที่คอยเลี้ยงดูและคอยสั่งสอนด้วยความรักให้แก่เขาเรื่อยมา ก็คือพ่อและแม่อีกคู่ที่ดูเหมือนจะมีสองความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่ไม่น้อย การจะเป็นฮีโร่ จำต้องผ่าน “การเลือก” อย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่ง

---

บุรุษเหล็กซูเปอร์แมน Man of Steel เป็นภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรฉายเมื่อปี ค.ศ. 2013 สร้างจากตัวละครซูเปอร์แมนของดีซีคอมิกส์ ภาพยนตร์สร้างโดย ดีซีเอ็นเทอร์เทนเมนต์, เลเจนดารีพิกเจอร์ส, ซินโคพีและครูลแอนด์อันยูสชวลฟิล์มส

และจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์บราเธอส์พิกเจอร์ส เป็นการสร้างร่วมกันระหว่างบริษัทสัญชาติอังกฤษและอเมริกันและเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในจักรวาลขยายดีซี[5][6] กำกับโดย แซ็ก สไนเดอร์ เขียนบทโดย เดวิด เอส. โกเยอร์

และแสดงนำโดย เฮนรี แควิลล์, เอมี แอดัมส์, ไมเคิล แชนนอน, เควิน คอสต์เนอร์, ไดแอน เลน, ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น, อันเทีย ทาวเออ, อะเยเลต ซูแรร์, คริสโตเฟอร์ เมโลนีและรัสเซล โครว์ บุรุษเหล็ก ซูเปอร์แมน เป็นการรีบูตภาพยนตร์ชุด ซูเปอร์แมน โดยเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดของตัวละคร

ในภาพยนตร์ คลาร์ก เคนต์ เรียนรู้ว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีพลังพิเศษจากดาวเคราะห์ คริปทอน เขาสวมบทบาทเป็นผู้พิทักษ์มนุษยชาติในฐานะซูเปอร์แมน ตัดสินใจเลือกที่จะเผชิญหน้ากับ นายพลซอด และป้องกันไม่ให้เขาทำลายมนุษยชาติ

การพัฒนาเริ่มต้นในปี ค.ศ. 2008 เมื่อวอร์เนอร์บราเธอส์ได้รับการเสนอจากนักเขียนหนังสือการ์ตูน, นักเขียนบทภาพยนตร์และผู้กำกับหลายคน เพื่อนำมาใช้ในการรีบูตแฟรนไชส์ ในปี ค.ศ. 2009 ศาลตัดสินให้ครอบครัวของเจอร์รี ซีเกิล ยึดสิทธิ์ต้นกำเนิดของซูเปอร์แมนคืนและลิขสิทธิ์ของซีเกิล

คำตัดสินดังกล่าวระบุว่าวอร์เนอร์บราเธอร์สไม่ได้เป็นหนี้ค่าลิขสิทธิ์เพิ่มเติมจากภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ ของครอบครัว แต่หากพวกเขาไม่ได้เริ่มสร้างภาพยนตร์ซูเปอร์แมนภายในปี ค.ศ. 2011 ครอบครัวของชูสเตอร์และซีเกิลจะสามารถฟ้องร้องเรื่องรายได้ที่หายไปจากภาพยนตร์ที่ไม่ได้สร้างได้

ผู้อำนวยการสร้าง คริสโตเฟอร์ โนแลน นำเสนอแนวคิดโกเยอร์ หลังการอภิปรายเนื้อเรื่องของ แบทแมน อัศวินรัตติกาลผงาด และสไนเนอร์ได้รับการว่าจ้างให้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 การถ่ายทำเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2011 ใน เวสต์ชิคาโก, อิลลินอยส์ ก่อนจะย้ายไปถ่ายทำที่ แวนคูเวอร์และเพลโน, อิลลินอยส์

เนื้อเรื่อง

ภาคกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่ผู้มาจากต่างดาว ที่ย้อนกลับไปเล่าตามเรื่องราวดั้งเดิมในฉบับการ์ตูนเล่มแรกๆ เด็กทารกที่เดินทางมาจากอวกาศอันไกลโพ้น จากดาวที่ชื่อคริปตัน ดาวที่ใกล้แตกสลาย พ่อและแม่ที่แท้ของเขาเลือกจะส่งเขามายังโลก ในขณะที่นักรบระดับสูงกำลังยึดอำนาจบนดาวดวงนั้น และโทษของเขาทำให้การจองเวรบังเกิดขึ้นกลายเป็นเรื่องราวในภาคกำเนิดนี้

และเมื่อเขาเติบโตขึ้นบนพื้นโลก สองคนที่คอยเลี้ยงดูและคอยสั่งสอนด้วยความรักให้แก่เขาเรื่อยมา ก็คือพ่อและแม่อีกคู่ที่ดูเหมือนจะมีสองความคิดที่ขัดแย้งกันอยู่ไม่น้อย การจะเป็นฮีโร่ จำต้องผ่าน “การเลือก” อย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่ง

การเล่าเรื่อง

อาจจะตัดสลับช่วงเวลาไปมาอยู่บ้างในช่วงแรก หลายคนว่ามันไม่ต่อเนื่อง หากแต่มันก็เล่าความเป็นมาเป็นไปของตัวละครต่างๆ ได้อย่างไม่น่ามึนงงแต่อย่างใด สิ่งที่เราได้เห็นจากหนังก็คือ คลาร์ก เคนท์ เขามาจากไหน

ดวงดาวที่เขาจากมาเป็นอย่างไร เมื่อมาถึงโลกแล้วเขาเติบโตมาอย่างไร และการค้นหาตัวตนของเขาผ่านอะไรบ้าง ก่อนที่วันนี้ เขาจะต้องเจอกับการท้าทายอันยิ่งใหญ่จากศัตรูของพ่อบนดาวเก่าของตัวเอง

ตัวละครและนักแสดง

เฮนรี่ คาวิลล์ ทำให้เราเชื่อว่าเค้าเป็นซุปเปอร์แมน ดูมีชีวิตจิตใจ เคยอ่านข่าวว่าเค้าเคยได้ไปแคสต์บทสำคัญๆหลายบทมาก แต่วืดตลอด แต่เราว่า เฮนรี่ คาวิลล์ ทำได้ดี ทำให้เราเชื่อ เหมือนที่เราเชื่อว่าคริสเตียน เบล เป็นแบทแมน หรือ โรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ เป็นไอรอนแมน เราน้ำตาคลอตามเค้าเลย ในฉากที่สูญเสียและตอนนี้เราก็เพ้อถึงเค้าอยู่ ฮ่าๆ เค้าไม่ได้หล่อเทพ แต่ดูดีมาก หน้าตาชวนมอง

อีกคนเลยที่เราไม่ค่อยได้ติดตามผลงานเค้าเท่าไหร่ดูผ่านๆตลอด คือรัสเซล โครว์ แต่มาเรื่องหนังใหม่เต็มเรื่องนี้การแสดงของเค้าเจ๋งมาก แต่ละฉากที่ออกมาเค้าทำได้ดีมาก ทำให้เราจดจ่ออยู่กับการแสดงของเค้า

ส่วนนักแสดง คนอื่นๆ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีโดยเฉพาะ คนที่เล่นเป็นพ่อของ คลาล์ก เคนท์ (เราจำชื่อเค้าไม่ได้ ฮี่ๆ)เราซึ้งและเศร้ากับหลายๆฉากที่เค้าแสดง และแม่ๆ ของพี่ซุปทั้งในคริปตอนและโลกมนุษย์ก็ทำได้ดีเช่นกัน

ส่วนตัวร้าย นายพลซอดเราไม่รู้สึกว่าเกลียดเค้าเลย คือสิ่งที่เค้าทำมันมีเหตุผล ว่าเค้าจะทำลายโลกทำไมไม่ใช่สักแต่ว่าจะมาทำลายล้าง เค้าทำไปเพื่ออะไร เราต่างมีภาระความรับผิดชอบของตัวเอง ใครไม่เป็นคงไม่รู้ ถึงสิ่งที่เค้าทำมันไม่ถูกต้องเลยเราไม่ได้อยากให้เค้าชนะ แต่ก็เข้าใจในเหตุผลที่ตัวละครตัวนี้ทำไปทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยังไงมันก็ต้องมีผลเสีย แต่นายพลซอดแกลุยไม่ยั้งจริงๆ

จุดน่าสนใจ

ถ้าจะมองลงไปว่า ‘บุรุษเหล็กซูเปอร์แมน’ มีอะไรน่าสนใจอยู่บ้าง มันสร้างความประทับใจให้เราได้ในฐานะของหนังที่เริ่มต้นโดย Christopher Nolan ทำให้เนื้อเรื่องค่อนข้าง “มีอะไร” แฝงกายอยู่ในนั้น หนังเว็บหนัง HDประกอบไปด้วยซีนอารมณ์ที่ค่อนข้างทำได้โดนใจคนดู น้ำตาไหลรื้นเหมือนตัวเองประสบชะตากรรมอยู่ด้วยจริงๆ

ชอบสุด คงเป็นการแสดงของ เควิน คอสเนอร์ คนที่สวมบทพ่อได้น่าเชื่อมากๆ กับ เฮนรี่ คาวิลล์ ที่เป็นซูเปอร์แมนที่มีความเป็นมนุษย์สูงมาก ขณะที่ไมเคิล แชนนอน กลายเป็นตัวร้ายที่สมบูรณ์แบบ นายพลซ้อด ในภาคนี้น่าเกรงขามมาก

ฉากแอ็คชั่น

ขณะที่ฉากแอ็คชั่นต่อสู้ก็ทำได้มันสะใจ พร้อมจัดเต็มพลังมหาศาลสมกับความเป็นซูเปอร์ฮีโร่อย่างที่ ‘The Avengers’ มาทั้งทีมยังมิอาจเทียบเทียมได้ แต่สิ่งที่ยังขาดไปบ้างก็พอมี หลายคนอาจจะบอกสนุกแต่ไม่อินไปกับเรื่องราวหรือตัวละครบางตัว

แต่หากนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ความหวัง’ ที่พอจะวางใจได้ของ DC Comics ในการกลับมาของอีกหนึ่งฟากฝั่งผู้สร้างการ์ตูนฮีโร่ และปูเสื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Justice League เป็นการเริ่มต้นที่ดูแข็งแรง ทำให้ผู้ชมเริ่มตั้งตารอคอยการรวมตัวของเหล่าผู้มีพลังพิเศษทั้งหลาย อาจไม่ชอบเทียมเท่า Batman Trilogy แต่นี่อาจเป็น Superman ที่ดีที่สุดก็ว่าได้

โดยรวม

โดยรวมแล้ว หนังก็ยังคงครบรส ทั้งบู๊ทั้งบุ๋น มีปมประเด็นแง่คิด มีปูมความหลังที่สมเหตุผล นั่นทำให้เป็นซูเปอร์แมนเวอร์ชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย และดูแนวโน้มแล้วก็คงยากที่จะมีเรื่องไหนในรอบปีนี้จะยิ่งใหญ่อลังการเทียบเท่า

แม้จะมีหนังไซไฟหรือฮีโร่อื่นๆรอคิวตามมาอีกเป็นระลอก(ด้วยเหตุผลที่ดูเนื้อหาแล้วไม่ลึกซึ้งเท่า) ผมคงต้องยกไว้ให้เป็นหนังแห่งปี แม้ถ้าจะเทียบกับมาตรฐานของ แซค ชไนเดอร์ แล้ว ผมยังชอบ Watchmen ด้วยเนื้อเรื่องและปมประเด็นที่เข้มข้นมากกว่ามากกว่าอยู่ก็ตาม