รีวิว The Last Full Measure - วีรบุรุษโลกไม่จำ
หนังสงครามที่สร้างจากเรื่องจริงมักมีมนต์เสน่ห์บางอย่าง และไม่เพียงแต่เรื่องราวในห้วงสงครามเท่านั้น หากแต่เรื่องราวผลพวงหลังจากนั้นก็ล้วนน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และสำหรับเรื่องราวของ วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ กับผู้คนรายล้อมรอบชีวิตเขาเองก็ล้วนไม่ธรรมดาเช่นกัน มันเต็มไปด้วยเรื่องราวการต่อสู้จากชีวิตจริง ทั้งในช่วงสงครามเวียดนามอันโหดร้ายในช่วงปี 1966 หรือตลอดช่วงการเรียกร้องความยุติธรรมแก่วีรบุรุษที่กินเวลานานกว่า 35 ปี รีวิว The Last Full Measure
เรื่องย่อ
ถ่ายทอดวีรกรรมของ วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ (รับบทโดย เจเรมี เออร์วีน) หน่วยพลร่มสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระหว่างสงครามเวียดนามปี 1966 เมื่อเขาโรยตัวลงมาเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนทหารราบ และตัดสินใจทิ้งโอกาสในการหนีออกจากเขตปะทะไปพร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้าย เพื่อช่วยรักษาและต่อลมหายใจให้เพื่อนทหารอีก 60 ชีวิต จนท้ายสุดสงครามครั้งนั้นก็หลงเหลือไว้เพียงร่างของเขา และความยุติธรรมที่ถูกเพิกเฉย
บางครั้งการทำดีกว่าจะเป็นที่ประจักษ์อาจจะต้องใช้เวลานาน ยาวนานเป็นทศวรรษ แต่สำหรับคนกลุ่มนี้ที่ยังเฝ้าดูความสำเร็จของคนที่ได้ชื่อว่าวีรบุรุษผู้ล่วงลับ พวกเขาก็พร้อมที่จะผลักดันไปด้วยความหวัง
แม้ว่าบางทีมันจะริบรี่มาก็ตาม และนี่คือเรื่องราวอันทรงพลังของนายทหารที่ไม่ควรถูกลืม "The Last Full Measure วีรบุรุษโลกไม่จำ" การเดินทางสู่การเรียกร้องเพียงเกียรติยศของทหารกล้าในสมรภูมิรบ
The Last Full Measure มาจากคำพูดของประธานาธิบดีลินคอล์น ครั้งสงครามกลางเมืองเพื่อกล่าวถึงเหล่าผู้คนที่สละชีวิตพลีแก่ชาติ อันมาจากประโยคเต็ม ๆ ที่ว่า “..They gave the last full measure of devotion.” และมันก็เหมาะเหลือเกินในการนิยามถึงภารกิจชีวิตอันนำมาจากเรื่องจริงของทหารอเมริกันนามว่า วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์
เนื้อเรื่อง
ถึงแม้ต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่วันนี้ความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดเผย เมื่ออดีตสหายร่วมรบ (รับบทโดย วิลเลียม เฮิร์ต) ลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากทนายกระทรวงกลาโหม สก็อตต์ ฮัฟฟ์แมน (รับบทโดย เซบาสเตียน สแตน) เพื่อเสนอชื่อ วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ รับเหรียญเกียรติยศ เชิดชูความกล้าหาญชั้นสูงสุดของประเทศ
นำมาสู่จุดเริ่มต้นของการตามหาความจริงจากครอบครัวของวีรบุรุษ และทหารผ่านศึกคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อ ทวงความกล้าหาญ แด่ฮีโร่ที่โลกลืม รวมทั้งเปิดโปง “ความลับ” บางอย่างที่เกือบถูกลบหายไปพร้อมกับสงครามครั้งนั้น
วีรบุรุษโลกไม่จำ เป็นเรื่องราววีรกรรมอันเด็ดเดี่ยว "วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์" หน่วยพลร่มสังกัดกองทัพอากาศสหรัฐฯ ระหว่างสงครามเวียดนามปี 1966 เมื่อเขาโรยตัวลงมาเพื่อช่วยชีวิตเพื่อนทหารราบ และตัดสินใจทิ้งโอกาสในการหนีออกจากเขตปะทะไปพร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำสุดท้าย เพื่อช่วยรักษาและต่อลมหายใจให้เพื่อนทหารอีก 60 ชีวิต
จนท้ายสุดสงครามครั้งนั้นก็หลงเหลือไว้เพียงร่างของเขา และความยุติธรรมที่ถูกเพิกเฉย ถึงแม้ต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี แต่วันนี้ความจริงทั้งหมดกำลังจะถูกเปิดเผย เมื่ออดีตสหายร่วมรบลุกขึ้นมาขอความช่วยเหลือจากทนายกระทรวงกลาโหม สก็อตต์ ฮัฟฟ์แมน
เพื่อเสนอชื่อหนังใหม่เต็มเรื่อง ให้เขาได้รับเหรียญเกียรติยศ เชิดชูความกล้าหาญชั้นสูงสุดของประเทศ นำมาสู่จุดเริ่มต้นของการตามหาความจริงจากครอบครัวของวีรบุรุษ และทหารผ่านศึกคนอื่นที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อ ทวงความกล้าหาญ แด่ฮีโร่ที่โลกลืม
การเล่าเรื่อง
หนังสงครามที่สร้างจากเรื่องจริงมักมีมนต์เสน่ห์บางอย่าง และไม่เพียงแต่เรื่องราวในห้วงสงครามเท่านั้น หากแต่เรื่องราวผลพวงหลังจากนั้นก็ล้วนน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน และสำหรับเรื่องราวของ วิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ กับผู้คนรายล้อมรอบชีวิตเขาเองก็ล้วนไม่ธรรมดาเช่นกัน
มันเต็มไปด้วยเรื่องราวการต่อสู้จากชีวิตจริง ทั้งในช่วงสงครามเวียดนามอันโหดร้ายในช่วงปี 1966 หรือตลอดช่วงการเรียกร้องความยุติธรรมแก่วีรบุรุษที่กินเวลานานกว่า 35 ปี มันคือความกล้าหาญในการแสดงธาติแท้อันอ่อนแอของตนเอง เพื่อยกย่องความกล้าอันบริสุทธิ์ที่ถูกละเลย
เราอาจกล่าวได้ว่าเนื้อหาของหนังนั้นหลัก ๆ อยู่ในเรื่องย่อแล้วทั้งสิ้น แต่ผู้สร้างก็ใช้วิธีการสร้างตัวละครสมมติอย่าง สก็อตต์ ฮัฟฟ์แมน เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมที่ต้องเป็นผู้เดินทางสอบสวนรื้อฟื้น
การเลื่อนระดับเหรียญของพิตเซนบาร์เกอร์จากเดิมเหรียญกล้าหาญไปเป็นเหรียญเกียรติยศระดับสูงสุด โดยต้องไปสัมภาษณ์ร้อยเรียงการพูดคุยตัวละครต่าง ๆ ที่อิงจากบุคคลที่มีอยู่จริง ทั้งสนับสนุน และขัดขวาง ให้มีเส้นเรื่องที่ดูเป็นหนังขึ้น
แต่ว่ากระนั้นก็ต้องสารภาพว่าหนังยังคงมีความเป็นสารคดีจัด ๆ ทั้งวิธีการเล่าเรื่องและการนำเสนอ ซึ่งน่าเบื่อจัด ๆ เลย แต่โชคยังดีว่าหนังยังมีบทที่คมคายให้ชื่นชมได้ตลอด แต่นั่นล่ะเราอยากจะมาดูหนังมากกว่าอ่านหนังสือคำคม ทว่าก็ต้องยอมรับนะว่าการดูตัวละครพูดอะไรคม ๆ ตลอดเรื่องมันก็เจ๋งดีไม่น้อยล่ะ
“เขาพลาดที่จะได้สร้างครอบครัวและได้รักลูกของเขาเอง เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรู้ว่า พ่อของเขารักเขามากแค่ไหน” – นั่นคือคำพูดจริง ๆ ของ แฟรงก์ พิตเซนบาร์เกอร์ คุณพ่อของวิลเลียมที่ได้กล่าวถึงลูกชายของเขา
ซึ่งถูกนำมาใช้ในหนังออนไลน์ด้วย ก็สะท้อนความปวดร้าวจากการต่อสู้และรอคอยอย่างยาวนานกว่า 35 ปีของคุณพ่อคนหนึ่ง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลอเมริกันให้ความสำคัญกับลูกชายของเขาที่เสียชีวิตในหน้าที่ในสงครามเวียดนามอย่างสมเกียรติเสียที นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่หนังเขียนบทแบบคมคายมาก
จุดเด่น
เมื่อบทพูดดี บทหนังมาจากเรื่องจริงฮีโรอเมริกันที่น่ายกย่อง มันจึงดึงดูดดาราชั้นดีมารวมตัวกันมากทีเดียว ทั้ง รุ่นเด็กอย่าง เจเรมี เออร์ไวน์ ที่แม้จะปรากฏเพียงในฉากแฟลชแบ็กแต่เขาก็มีเสน่ห์มากพอให้เราจดจำ
และ เซบาสเตียน สแตน ที่พลิกจากวินเทอร์โซลเยอร์นักฆ่าหน้าตายในหนังมาร์เวลมาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นโครงกระดูกของเรื่องและจำเป็นต้องแสดงให้เห็นพัฒนาการตัวละครมากสุดได้แบบผ่านมาตรฐาน
นอกจากนั้นหนังยังมากมวลด้วยรุ่นใหญ่มากฝีมือทั้ง แบรดลีย์ วิทฟอร์ด, ซามูเอล แอล. แจ็กสัน, คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์, ไดแอน แลดด์ และยังเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของดารารุ่นเก๋าอย่าง ปีเตอร์ ฟอนดา ด้วย
หนังเรื่องนี้เป็นผลงานของ "ท็อดด์ โรบินสัน" ที่มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับและเขียนบทเอง หลังจากที่มีประสบการณ์จากหนังแอคชั่นระทึกขวัญมาหลายเรื่อง เรื่องนี้ปรับสเกลความยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ
แต่อาจจะยังไม่ใช่หนังสงครามเต็มรูปแบบ เพราะหนังเลือกที่จะนำเสนอฉากความดราม่าสลับตัดกับภาพการต่อสู้ในสมรภูมิรบที่เกิดขึ้นในสงครามเวียดนาม
"เซบาสเตียน สแตน" ที่ต้องมาทำหน้าที่แบกรับหนังเรื่องนี้ ก็ถือว่าเขาทำได้ค่อนข้างดี แม้ว่าเหมือนจะเป็นตัวละครที่มาเป็นตัวผสานเรื่องราวทั้งหมดให้ก่อกลายเป็นเรื่องเดียวกันเป็นหนึ่ง
จึงทำให้บทของเขายังค่อนข้างขาดๆ เกินๆ ดีไม่สุดแต่ก็ไม่แย่ที่สุด การแสดงของเขาก็ถือว่าเป็นบทที่ยังไม่ได้ท้าทายอะไรสักเท่าไหร่ เล่นไปตามน้ำตามบทที่ส่งเสริมมาให้ก็ถือว่าโอเคแล้ว
แต่ทางฝั่งของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่อัดแน่นมาคับจอของเรื่องนี้ แม้บทหนังจะไม่ค่อยดี แต่มาได้การแสดงดีๆ ของนักแสดงยอดเยี่ยมก็ช่วยมองข้ามจุดด้อยไปได้ ไม่ว่าจะเป็น "แซมมวล แอล. แจ็กสัน", "เอ็ด แฮร์ริส" หรือ "วิลเลียม เฮิร์ต"
พวกเขามารับบทเป็นอดีตทหารในกองพันที่ผ่านสมรภูมิอันสาหัส และเป็นพยานในวีรกรรมของวิลเลียม เอช. พิตเซนบาร์เกอร์ ที่ยืนกรานพยายามจะช่วยให้เขาได้รับเหรียญกล้าหาญในแบบนี้ควรจะได้
โดยรวม
อาจจะเริ่มเรื่องมาด้วยได้อย่างไม่ค่อยน่าสนใจ ยอมรับเลยว่าช่วงเกริ่นต้นเรื่องนั้นค่อยข้างน่าเบื่อสักหน่อย แต่พอจุดเครื่องสตาร์ทติดได้ในอีก 15 นาทีต่อมา ก็ทำให้หลับไม่ลง การเล่าเรื่องของหนังอาจจะยังดูสะเปะสะปะไปบ้าง
แต่การถือว่าไม่ได้ทำให้โทนอารมณ์ของคนดูหายไป หนังค่อยๆ ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆ แล้วกระหน่ำกระสุนนัดสำคัญใส่คนดูในช่วงท้ายๆ ได้อยู่หมัด แม้จะพรั่งพรูไปบ้างแต่ก็เป็นความประทับใจในเรื่องนี้
Evoplay เกมสล็อตเปิดประสบการณ์ประเภทเกมส์ สล็อต รูปแบบใหม่ ที่ไม่เคยมีเสมือนที่แห่งใดมาก่อน มากับระบบออโต้ ระบบฝาก-ถอนอัตโนมัติ ให้ท่านได้สมัครโดยไม่ต้องรอนาน คุณจะได้สนุกสนานกับเรา
Login รวมเกมสล็อตออนไลน์ pg slot เกมสล็อตออนไลน์ที่ได้รับความนิยม เล่นง่าย ได้เงินจริง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดคุณก็สามารถเข้าถึงเกมของพวกเราได้ ผ่านหลายวิถีทาง pg slot login